หุ่นดีได้ ไม่ตามใคร
New Year’s Resolution สำเร็จสักที

New Year’s Resolution สำเร็จสักที

New Year’s Resolution.. ในทุก ๆ ต้นปี สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน ก็คือการตั้งเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในเรื่องอะไรก็ตาม “New Year’s Resolution” คืออะไรบ้าง และทำอย่างไร เราถึงจะประสบความสำเร็จ บทความนี้จะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้กันครับ

ในทุก ๆ ต้นปี สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะมีเหมือนกัน ก็คือการตั้งเป้าหมาย ไม่ว่าจะพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น อ่านหนังสือให้มากขึ้น เก็บเงินให้มากขึ้น ท่องเที่ยวให้มากขึ้น พัฒนาทักษะใหม่ ๆ หางานใหม่ที่ดีขึ้น ใช้เวลากับคนรอบข้างมากขึ้น เป็นคนที่ดีขึ้น พักผ่อนให้มากขึ้น เครียดให้น้อยลง สนใจเรื่องคนอื่นให้น้อยลง และอื่น ๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม.. สิ่งที่ผมมั่นใจว่าทุกคนที่อ่านบทความนี้ โดยเฉพาะจากเว็ปนี้ ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน และน่าจะเป็นเป้าหมายเหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่ตั้งกันทุกปี นั่นก็คือ “ลดความอ้วนให้สำเร็จ” 

กล่าวอีกนัยนึง ก็คือการพัฒนาร่างกายให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดความอ้วน เพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ สรุปคือ เพิ่มความมั่นใจกับรูปร่างตัวเองให้มากขึ้นนั่นเอง

ก่อนที่จะเข้าบทความ ผมมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายที่จะบอกไว้ก่อน

“ข่าวร้ายก็คือ เราอาจจะเป็นหนึ่งในคนส่วนใหญ่ ที่ล้มเหลวกับการลดความอ้วน” อาจจะเป็นการกล่าวตรงไปนิด แต่ถ้าเทียบกับสถิติที่หลายคนน่าจะทราบ มีเพียงแค่ส่วนน้อยนิด เพียงแค่ 8% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จจาก New Year’s Resolution หรืออาจจะน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดความอ้วน

นั่นหมายความว่า 92% ของคนส่วนใหญ่มักจะล้มเหลว หรือไม่ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่า นี่คงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากจะพบเจอ (แม้สถิติจะบอกไว้อย่างนั้นก็ตาม)

อย่างไรก็ตาม… ยังมี “ข่าวดี ที่ผมอยากจะบอก นั่นคือเราสามารถที่จะเป็นคนในกลุ่ม 8% ได้” ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จ ในการลดความอ้วนของปีนี้ ผมได้แบ่งหัวข้อที่อยากให้ทำตามไว้ 4 Step ดังต่อไปนี้

Step 1. หาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ที่จะทำให้เราถึงเป้าหมาย

ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าเป้าหมายของเราคือต้องการที่จะลดความอ้วน หรือเพิ่มความแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือการหาข้อมูลที่จะทำให้เราถึงเป้าหมายของเรา

เช่น อะไรที่เป็นสาเหตุให้น้ำหนักลด อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ร่างกายใช้ไขมันสะสม อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อะไรที่เราจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนบ้าง เพื่อที่จะทำให้เราสามารถไดเอทได้ดีขึ้น แนวทางต่าง ๆ แนวทางไหนบ้าง ที่ดี ที่เหมาะสม ที่เราควรนำมาปรับใช้กับการไดเอท เป็นต้น

การที่จะหาข้อมูลดังกล่าว สิ่งที่เราต้องทำ คือการใช้เวลาในการหาข้อมูล อ่าน ศึกษา ฟัง ดู ปรึกษาผู้รู้ เปิดใจรับแนวทางหรือสิ่งใหม่ ๆ และหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการไดเอทให้มากขึ้น (ข้อมูลที่เหมาะสม) เพื่อที่จะทำให้เราเห็นภาพรวม ที่เกี่ยวข้องกับการไดเอทให้มากที่สุด

Step แรกอาจจะอ่านแล้วรู้สึกตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน ซึ่งผมมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนก็น่าจะทราบ และหลายคนก็อาจจะทำอยู่แล้ว เพียงแต่ step ต่อไป อาจจะไม่เรียบง่าย และไม่ตรงไปตรงมาอย่างที่หลายคนคิด

Step 2. เข้าใจว่าข้อมูลส่วนใหญ่ที่เราเจออาจจะไม่ได้ผล (กรองให้มากที่สุด)

จาก step แรก สิ่งที่หลายคนน่าจะเจอ คือข้อมูลมหาศาล ระดับที่เรียกว่าข้อมูลล้น เยอะจนน่ากลัว สับสนสุด ๆ อ่านไม่รู้จบ แนวทางแปลก หวือหวา หลากหลาย รวมไปถึงข้อมูลสารพัด ข้อมูลเกินจริง ผลลัพธ์แสนยั่วยวนที่มักจะนำเสนอ และในบางครั้ง อาจจะพ่วงมาด้วยสินค้าให้เลือกซื้อ (อาหารเสริม) เป็นต้น

ถ้าให้ประเมินตัวเลข “มากกว่า 50% ของข้อมูลส่วนใหญ่อาจจะใช้ไม่ได้ผล” และนี่อาจจะเป็นการประเมินที่ต่ำเกินไปด้วยซ้ำ

นั่นหมายความว่า ในการที่จะ “หลีกเลี่ยง” การใช้เวลา ใช้ความพยายาม ใช้เงิน ในการที่จะซื้อสิ้นค้า ลงมือทำ หรือเรียนรู้ที่มากเกินไปในสิ่งที่ผิด (ไม่ได้ผล) เราจำเป็นที่จะต้องหาวิธีที่จะ “กรองข้อมูลที่ไม่ดีออกไป” ไม่ให้โดนหลอก เพื่อที่จะหาข้อมูลที่ “จริง ถูกต้อง ได้ผล จริงใจ ไม่ลำเอียง ไม่แอบแฝง มีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจน” ซึ่งเป็นข้อมูลที่แท้จริง ที่จำเป็นกับตัวเรา ที่สามารถพาเราไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้

Step 3. ใช้แรงจูงใจ (motivation) จุดประกาย กระตุ้นเพื่อให้ข้อมูลที่ศึกษามานั้น นำไปสู่การลงมือทำ

ไม่ว่าข้อมูลจะถูกต้องขนาดไหน เราจะกรองข้อมูลจากล้าน ๆ ข้อมูล เหลือเพียงข้อมูลที่ดีที่สุด ข้อมูลเดียว ที่อาจจะเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดเพียงใด ข้อมูลเหล่านั้น จะไม่ส่งผลอะไรเลย ข้อมูลนั้น จะไม่พาเราไปไหนเลย ถ้าเรา “ไม่ลงมือทำ”

จะว่าไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดี เนื่องจาก step นี้ ผมมองว่าเป็น step ที่ง่ายที่สุด สำหรับหลายคน เนื่องจากหลังจากได้ศึกษาข้อมูลเพียงพอ กลั่นกรองในระดับหนึ่ง บวกกับ motivation ของ New Year’s Resolution ที่รุนแรงนั้น การลงมือทำ (เริ่มต้น) ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ยากจนเกินไป และหลายคนก็ได้เริ่มลงมือทำกันจริง ๆ ด้วย

คนส่วนใหญ่มักจะมองว่า step นี้สำคัญที่สุด แต่ผมมองว่าไม่ใช่ซะทีเดียว ลองอ่าน step ต่อไปดูครับ

Step 4. เราต้องเข้าใจว่า motivation ที่ทำให้เราเริ่มต้นนั้น เป็น motivation เดียวกัน กับที่ทำให้เราล้มเหลว

หัวข้อนี้ผมมองว่าเป็นหัวข้อที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะอาจจะเป็นหัวข้อที่ทำให้คนส่วนใหญ่ล้มเหลว

motivation ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ “เริ่มต้น” ลงมือทำ แต่ motivation นี้ ก็เป็นสิ่งเดียวกัน ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ล้มเหลวเช่นกัน

ในทุก ๆ ปี คนส่วนใหญ่มักจะมี “แรงจูงใจ” ที่จะลดความอ้วน ศึกษาหาข้อมูล กลั่นกรองหาแนวทาง และ “เริ่มลงมือทำ” ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งที่หลายคนไม่ทราบนั่นคือ…

“Motivation ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป” กล่าวคือ motivation ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำ ที่ทำให้เรา “เริ่มต้น” ลงมือทำบางอย่าง เพราะ motivation คล้าย ๆ กับเป็นตัว “จุดประกาย” ให้เริ่มต้น เพียงแต่ถ้าเรายังยึดติดกับ motivation ไปตลอด อาจจะเป็นเรื่องอันตราย (ต่อการไดเอท) เนื่องจากสิ่งนั้นจะไม่จีรัง และจะหายไปอย่างรวดเร็ว

Motivation เป็นสิ่งที่ “ไป ๆ มา ๆ” บทจะมาก็มา และในขณะเดียวกัน บทจะหายก็หายไปได้ภายในวันเดียว

“วันนี้เราอาจจะรู้สึกอยากทำอะไรมาก ๆ อยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองสุด ๆ อ่านบทความแล้วไฟลุก เพียงแต่วันพรุ่งนี้ความรู้สึกเหล่านั้น… อาจจะหายไป”

กล่าวคือ ความรู้สึกเหล่านั้น แรงจูงใจในการเริ่มต้น motivation ถือได้ว่าเป็น “หนึ่งในความรู้สึกที่แปรเปลี่ยนได้ง่าย ซึ่งแน่นอนว่า เราไม่ควรที่จะไปยึดติดกับตรงจุดนั้นมาก” บางครั้งเรารู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลง อยากจะทำอะไรมาก ๆ ในบางครั้งกลับไม่รู้สึกอยากจะทำ

และส่วนใหญ่ ส่วนมาก เกือบทุกครั้ง… “เรามักไม่อยากที่จะทำ…”

และนี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก ศึกษา ตั้งเป้า เริ่มต้น ลงมือทำ ล้มเลิก ศึกษา ตั้งเป้า เริ่มต้น ลงมือทำ ล้มเลิก วนเวียนไม่รู้จบ

นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ในทุก ๆ ต้นปี…

  • เราจะเห็นสมาชิกใหม่เต็มฟิตเนส
  • เราจะเห็นหลายคนที่เริ่มต้นไดเอท
  • เราจะเห็นหลายคนตั้งเป้าและเริ่มต้นออกกำลังกาย
  • เราจะเห็นหลายคนเริ่มต้นอ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง
  • เราจะเห็นหลายคนเริ่มต้นที่จะประหยัดอดออมเงิน
  • เราจะเห็นหลายคนที่สมัครเรียนคอร์สออนไลน์
  • เราจะเห็นหลายคนเริ่มต้นพัฒนาทักษะใหม่ ๆ
  • แต่ 80% ของคนกลุ่มนี้จะหายไปในระยะเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ เพราะ motivation เป็นสิ่งไม่ยั่งยืน

และครั้งนี้ บทความนี้ ผมเขียนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่ จะทำให้เราไม่วนเวียนกับลูปเดิม เป็นคนส่วนน้อยที่ประสบความสำเร็จ ในการลดความอ้วน เป็นคนส่วนน้อยที่ประสบความสำเร็จจาก New Year’s Resolution สักที

สิ่งที่ควรทำ…

แทนที่จะยึดติดกับ motivation ที่อาจจะมา ๆ หาย ๆ วนเวียนไม่รู้จบ คำแนะนำของผมคือ อย่าไปยึดติดกับ motivation มาก

“แต่ให้ยึดติดกับการสร้างโมเมนตั้มแทน ค่อย ๆ สร้างนิสัย ค่อย ๆ ปรับพฤติกรรม ชนะใจตัวเองวันละนิด และทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้”

ตัวอย่างง่าย ๆ ของการค่อย ๆ สร้างโมเมนตั้ม ค่อย ๆ ปรับพฤติกรรม อาจจะมีได้ตามนี้

  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าจะออกกำลังกายอาทิตย์ละ 1-2 วัน อย่างต่อเนื่อง
  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าจะกินโปรตีนให้มากขึ้น ลดพลังงานจากไขมันลงให้เหมาะสม
  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าจะทดแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลด้วยน้ำเปล่า
  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าจะดื่มน้ำหวาน (เครื่องดื่มที่มีพลังงาน) แค่สัปดาห์ละครั้ง แทนที่จะกินทุกวันเหมือนสมัยก่อน
  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าจะเริ่มให้ความสำคัญกับพลังงานที่กินให้มากขึ้น
  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าชั่งน้ำหนัก และวัดผลการเปลี่ยแปลงของตัวเองรายสัปดาห์
  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าตัดของจุบจิบ ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น กินผักสดให้มากขึ้น
  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าจะลดของมันของทอดให้ได้วันละนิด
  • เริ่มต้นตั้งเป้าว่าจะอ่านบทความ สร้างกำลังใจในทุก ๆ วัน อย่างน้อย ๆ วันละ 10-15 นาที
  • และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี และจะค่อยพัฒนาไปสู่การสร้างโมเมนตั้ม เกิด Feedback Loop ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ต่อไป

สิ่งนี้ต่างหากที่จะทำให้เรา “เพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ” ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ที่ยึดติดกับ motivation เพียงอย่างเดียว ที่บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป แต่ให้เราโฟกัสไปที่การค่อย ๆ สร้างโมเมนตั้ม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวันละนิด ชนะใจตัวเองไปเรื่อย ๆ และยึดมั่นกับเป้าหมายระยะยาวให้ได้ตลอด

Bonus… การตั้งเป้าหมาย และการประเมินผล

หลายคนมีเป้าหมาย มีหลักการ ได้แนวทางที่จะลงมือทำ พร้อมที่จะเริ่มสร้างโมเมนตั้มวันละนิด มองเกมไดเอทเป็นภาพรวม แต่อาจจะติดตรงเรื่องของการ “ตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม” ไม่รู้ว่าควรตั้งอย่างไรดี

ผมมีแนวทางง่าย ๆ สำหรับการตั้งเป้าหมาย แทนที่จะตั้งว่า อยากจะลดความอ้วน อยากจะสุขภาพดี อยากจะหุ่นดี ซึ่งการตั้งแบบนี้ “อาจจะไม่เฉพาะเจาะจง” รู้สึกว่ากว้างจนเกินไป และอาจจะทำให้เกิดความสับสน และทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายได้

ผมเชื่อว่าคนที่ทำงานส่วนใหญ่ น่าจะคุ้นเคยกับการตั้งเป้าหมายแบบที่เรียกว่า SMART Goal ซึ่งเป็นตัวย่อมาจาก (specific, measurable, achievable, relevant, time bound) ซึ่งหลักการนี้ เราสามารถนำมาใช้กับการตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักได้เช่นกัน

จากคำกล่าวข้างต้น แทนที่เป้าหมายว่าอยากจะหุ่นดี อยากผอม อยากแข็งแรง ด้วยหลักการ SMART ได้ดังต่อไปนี้

  • Specific (มีความเฉพาะเจาะจง)
    เช่น อยากที่จะลด 8-10 กิโลกรัม หรือถ้าคนที่น้ำหนักไม่เยอะมาก อาจจะตั้งเป้าว่าอยากที่จะลดน้ำหนัก 10% ของน้ำหนักตัวก็ได้เช่นกัน

  • Measurable (วัดผลได้)
    เช่น ตอนนี้น้ำหนัก X กิโลกรัม และต้องการที่จะลดให้ได้ X-10 กิโลกรัม เป็นต้น

  • Achievable (จับต้องได้ เป็นไปได้)
    เป็นเป้าหมายที่จับต้องได้ ไม่ใช่อยากที่จะลดมากจนไม่สมเหตุสมผล ดังที่คนส่วนใหญ่อยากลดมากกว่า 10 กิโลกรัม ใน 1 เดือน อยากที่จะเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืน หรือแม้แต่ลด 20 กิโลกรัม ใน 3-4 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ยาก (หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลย)

  • Relevant (เกี่ยวข้องอย่างไรกับเรา)
    เช่น อยากที่จะลด 10 กิโลกรัม เพื่อเป้าหมายทางด้านสุขภาพ หรืออาจจะอยากที่จะลด 10 กิโลกรัม เพื่อเป้าหมายในความสวยงามและความมั่นใจของรูปร่างเรา หรือลดน้ำหนักเพื่อผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานของเรา

  • Time bound (มีระบุเวลาชัดเจน)
    เช่น อยากที่จะลด 8-10 กิโลกรัม ในระยะเวลา 3-4 เดือน เป็นต้น

ตัวอย่างข้างต้น ผมอธิบายเอาไว้เป็นตัวอย่างคร่าว ๆ สำหรับการตั้งเป้าหมาย ซึ่งการตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมนั้น ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะสถานการณ์ของแต่ละคนก็ต่างกัน ความตั้งใจมุ่งมั่นอาจจะต่างกัน รูปร่างตั้งต้นต่างกัน ดังนั้น การตั้งเป้าก็ควรที่จะต่างกันไปด้วย

ซึ่งการที่เรามีเป้าหมายแบบ SMART Goal นี้ นอกจากจะทำให้เรามีเป้าหมายที่ดี (ชัดเจน) ยังจะทำให้เรา “ไม่หลงมัวเมาไปกับเป้าหมายที่หลอกลวง” จนอาจจะโชคร้าย พาลไปเจอคนไม่ดี หรือแม้แต่บทความหลอกลวงต่าง ๆ ผลลัพธ์เกินจริง เช่น ของวิเศษที่จะทำให้เราลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ใน 1 เดือน หรืออาจจะถึงขั้นยาลดความอ้วนที่ส่งผลกับสุขภาพ เป็นต้น

ซึ่งเป้าหมายที่แตกต่างกัน ผมคงให้คำแนะนำไปไม่ได้มากไปกว่า “เป้าหมายที่ดีควรเป็นเป้าหมายที่เราอยากได้จริง ๆ เกี่ยวข้องกับตัวเรา เป็นเป้าหมายที่ท้าท้าย ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไป เป็นเป้าหมายที่จับต้องได้ สมเหตุสมผล” เป็นต้นครับ

นอกจากนี้ หลังจากมีเป้าหมายแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากให้ทุกคนทำ คือการ “ประเมินผลงานเป็นระยะ” อย่ากลัวที่จะวัดผล การมีเป้าหมายเป็นสิ่งที่ดี

แต่อีกสิ่งที่สำคัญ เราต้องประเมินผลเป็นระยะ ๆ ว่าเราเข้าใกล้เป้าหมายขนาดไหน มีพัฒนาการเป็นอย่างไร ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้างเมื่อเจอกับปัญหา หรือเวลาที่ผลลัพธ์ ไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ซึ่งการประเมินผลนี้ อาจจะทำเป็นรายสัปดาห์ หรือถี่กว่านั้นก็ได้ครับ

ก่อนจะจบบทความ…

ผมหวังว่าคนที่ได้อ่านบทความนี้ จะทำตามหรืออย่างน้อย ๆ นำเอา step ที่ผมได้อธิบายเอาไว้ไปลองปฏิบัติ ทดลองใช้ดู นำแนวทางและกรอบความคิดไปปรับให้เหมาะสมกับตัวเอง

เพราะนั่นอาจจะหมายถึงความแตกต่างของความสำเร็จและความล้มเหลว และทำให้เราอาจจะเป็นหนึ่งใน 8% ของคนที่ประสบความสำเร็จในการไดเอท และไม่เป็นดังคนส่วนใหญ่อีกกว่า 92% ที่ล้มเหลวกับ New Year’s Resolution 

New Year’s Resolution เป็นอีกสิ่งที่คนส่วนใหญ่ล้มเหลว ผมหวังว่าปีนี้ หรือปีไหน ๆ คงไม่ใช่ปีที่ล้มเหลวของคนที่ได้มีโอกาสอ่านบทความนี้ ได้เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ เป็นคนที่ชนะ.. ในเกมแห่งความล้มเหลวนี้เสียที

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม และให้กำลังใจกันเสมอมา

ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่ครับ 😉 

Happy New Year!

ปล. สามารถกดอ่านบทความเกี่ยวกับการไดเอท บทความออกกำลังกาย รวมไปถึงบทความที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้ในเว็ปนี้เลยครับ (Link-บทความ)

ปล2. ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก Pixabay ครับ

Close Menu